ขมิ้นชันจะป้องกันและช่วยรักษาไขมันพอกตับได้อย่างไร


ไขมันพอกตับ (Fatty Liver) หรือที่เรียกว่า Hepatic steatosis คือ ภาวะที่มีไขมันสะสมในตับมากเกินไป ซึ่งมักเกิดจากความไม่สมดุลระหว่างการบริโภคและการกำจัดไขมัน โดยปกติแล้วตับจะช่วยแปรรูปไขมันที่มีอยู่ แต่เมื่อมีไขมันมากเกินไปก็จะนำไปสู่การสะสมของไขมันขึ้นมาได้ ภาวะไขมันพอกตับมี 2 ประเภทหลัก ดังนี้

  1. ไขมันพอกตับจากแอลกอฮอล์ (Alcoholic fatty liver disease (AFLD)) : ไขมันพอกตับประเภทนี้ส่วนใหญ่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่การสะสมของไขมันและการอักเสบในตับตามมาได้

2. ไขมันพอกตับที่ไม่มีแอลกอฮอล์ (Non-alcoholic fatty liver disease (NAFLD)) : ไขมันพอกตับประเภทนี้ไม่ได้เกิดจากการบริโภคแอลกอฮอล์ และมักเกี่ยวข้องกับโรคอ้วน ภาวะดื้อต่ออินซูลิน น้ำตาลในเลือดสูง (ส่วนใหญ่อยู่ในโรคเบาหวานประเภทที่ 2) และ ระดับไขมันในเลือดสูง (คอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์) ) ภาวะไขมันพอกตับ NAFLD นี้ เป็นโรคตับที่พบมากที่สุดในโลก รวมทั้งในประเทศไทยด้วย

ภาวะไขมันพอกตับอาจไม่แสดงอาการ แต่หากอาการลุกลามมากขึ้น อาจนำไปสู่การอักเสบของตับ หรือที่เรียกว่า steatohepatitis หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา อาจทำให้เกิดแผลเป็นที่ตับ (โรคตับแข็ง) และอาจถึงขั้นตับวายหรือมะเร็งตับได้

เพื่อป้องกันและจัดการภาวะไขมันพอกตับ สิ่งสำคัญ คือ ต้องรักษาสุขภาพให้แข็งแรง รวมถึงออกกำลังกายเป็นประจำ รับประทานอาหารที่สมดุล และหลีกเลี่ยงการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป การลดน้ำหนัก ควบคุมเบาหวาน และจัดการระดับคอเลสเตอรอลยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคไขมันพอกตับได้ด้วยเช่นกัน

สารเคอร์คิวมินเป็นสารประกอบตามธรรมชาติที่พบในขมิ้นชัน มีสีเหลือง และถูกนำมาใช้ในยาแผนโบราณ และในอาหาร มีการใช้มาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในประเทศแถบเอเชีย เคอร์คิวมินเป็นที่รู้จักที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ สารต้านอนุมูลอิสระ และต้านมะเร็ง เป็นต้น

การวิจัยพบว่าเคอร์คิวมินอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น

  1. ลดการอักเสบ : พบว่าสารเคอร์คิวมินมีฤทธิ์ต้านการอักเสบที่มีศักยภาพ ซึ่งอาจช่วยบรรเทาอาการของภาวะอักเสบ เช่น โรคข้ออักเสบ โรคลำไส้อักเสบ และโรคอักเสบเรื้อรังอื่นๆ

2. ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ : สารเคอร์คิวมินเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังที่สามารถต่อต้านอนุมูลอิสระและช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายจากอนุมูลอิสระได้

3. ปรับปรุงการทำงานของสมอง : สารเคอร์คิวมินอาจช่วยปรับปรุงการทำงานของสมองโดยการเพิ่มระดับของ the brain-derived neurotrophic factor (BDNF) ซึ่งเป็นโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตและการบำรุงรักษาเซลล์ประสาทให้มีความแข็งแรงอยู่ตลอดเวลา

4. การป้องกันและรักษามะเร็ง : การศึกษาบางชิ้นแนะนำว่าสารเคอร์คิวมินมินอาจช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง และอาจทำให้เซลล์มะเร็งไวต่อเคมีบำบัดมากขึ้น

5. สุขภาพหัวใจ : สารเคอร์คิวมินอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจโดยการปรับปรุงการทำงานของเยื่อบุผนังหลอดเลือด ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมความดันโลหิตและการแข็งตัวของเลือด ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

6. การจัดการโรคเบาหวาน : งานวิจัยบางชิ้นแสดงให้เห็นว่าสารเคอร์คิวมินอาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและเพิ่มความไวของอินซูลิน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2

สิ่งสำคัญ คือ ต้องทราบว่าในขณะที่มีการวิจัยเกี่ยวกับประโยชน์ต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นของสารเคอร์คิวมิน จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการค้นพบนี้ นอกจากนี้ สารเคอร์คิวมินยังดูดซึมได้ไม่ดีในร่างกาย ดังนั้นจึงมักแนะนำให้รับประทานพร้อมกับพริกไทยดำ (ซึ่งมีพิเพอรีน) หรือในรูปของอาหารเสริมที่มีการดูดซึมที่เพิ่มขึ้น

สารเคอร์คิวมินซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่พบในขมิ้นชัน ได้แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ที่เป็นไปได้ในการป้องกันหรือรักษาโรคไขมันพอกตับผ่านกลไกต่างๆ ซึ่งต่อไปนี้เป็นกลไก 9 ประการที่สารเคอร์คิวมินอาจช่วยให้ภาวะไขมันพอกตับและตับอักเสบดีขึ้นได้

1. Anti-inflammatory effects : ยับยั้งการอักเสบของเซลล์ตับ

สารเคอร์คิวมินมีคุณสมบัติต้านการอักเสบที่มีศักยภาพ โดยออกฤทธิ์กับเป้าหมายในระดับโมเลกุลหลายตัว เช่น นิวเคลียสแฟคเตอร์แคปปาบี (NF-κB), ไซโคลออกซีเจเนส-2 (COX-2) และ tumor necrosis factor-alpha (TNF-α)

โดยการยับยั้งผ่านกลไกเหล่านี้ที่ทำให้สามารถหยุดกระบวนการการอักเสบที่จะเกิดขึ้นได้ ซึ่งสารเคอร์คิวมินจึงช่วยลดการอักเสบในตับ ซึ่งเป็นลักษณะทั่วไปของโรคไขมันพอกตับ

นอกจากนี้ สารเคอร์คิวมินยังมีฤทธิ์ยับยั้งการผลิตสารไซโตไคน์ที่ทำให้เกิดการอักเสบหลายชนิด เช่น อินเตอร์ลิวคิน-6 (IL-6) และอินเตอร์ลิวคิน-1เบตา (IL-1β) ทำให้ช่วยต้านการอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

2. Antioxidant activity : คุณสมบัติต้านสารอนุมูลอิสระ

ความเครียดออกซิเดชันมีบทบาทสำคัญในการลุกลามของโรคไขมันพอกตับ ซึ่งสารเคอร์คิวมินทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่แข็งแกร่ง และควบคุมการแสดงออกของเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระ เช่น ซูเปอร์ออกไซด์ดิสมิวเทส (SOD) คาตาเลส และกลูตาไธโอนเปอร์ออกซิเดส (GPx) ทำให้มีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระมากยิ่งขึ้น และการทำงานแบบนี้ของสารเคอร์คิวมินนี้จะช่วยลดความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันในเซลล์ตับ ปกป้องเซลล์ตับจากความเสียหายและป้องกันการบาดเจ็บของตับได้ จากสารอนุมูลอิสระได้ นั่นเอง

3. Modulation of lipid metabolism : ปรับสมดุลกระบวนการเผาผลาญไขมัน

สารเคอร์คิวมินอาจช่วยควบคุมการเผาผลาญไขมัน โดยมีอิทธิพลต่อการแสดงออกของยีนต่างๆ เช่น peroxisome proliferator-activated receptor-alpha (PPARα), sterol regulatory element-binding protein-1c (SREBP-1c) และ fatty acid synthase (FAS) ซึ่งยีนเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการออกซิเดชั่นหรือการเผาผลาญของกรดไขมัน การสร้างไขมัน และการเก็บไขมัน โดยการปรับการแสดงออกของสารเคอร์คิวมินให้ยีนเหล่านี้ทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นจะสามารถลดการสะสมไขมันในตับได้

4. Improvement of insulin sensitivity : กระตุ้นให้ไวต่ออินซูลินมากขึ้น

การดื้อต่ออินซูลินเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญสำหรับโรคไขมันพอกตับ ซึ่งสารเคอร์คิวมินมีประสิทธิภาพในการปรับปรุงความไวของอินซูลิน โดยเพิ่มการส่งสัญญาณของตัวรับอินซูลินและลดการอักเสบในเนื้อเยื่อไขมัน ทำให้สามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและป้องกันไขมันสะสมในตับได้

และสารเคอร์คิวมินอาจกระตุ้นการเคลื่อนย้ายกลูโคสชนิดที่ 4 หรือ  Glucose transporter type 4 (GLUT4) ไปยังเยื่อหุ้มเซลล์ เพื่อรับน้ำตาลจากในเลือดเข้าสู่เซลล์ได้มากขึ้นจึงช่วยส่งเสริมการดูดซึมกลูโคสและลดระดับน้ำตาลในเลือดสูง นั่นเอง

5. Inhibition of liver fibrosis : ยับยั้งการเกิดพังพืดในเซลล์ตับ

สารเคอร์คิวมินอาจช่วยยับยั้งการลุกลามของพังผืดในตับ ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนของโรคไขมันพอกตับ โดยยับยั้งการกระตุ้นการทำงานของเซลล์ตับ ชนิด สเตลเลต หรือ hepatic stellate cells (HSCs) และ ลดการแสดงออกของปัจจัยกระตุ้นการเกิดพังผืด เช่น ทรานสฟอร์มมิ่งโกรทแฟกเตอร์เบต้า (TGF) -β) และ คอลลาเจนประเภทที่ 1 ซึ่งผลจากกลไกการออกฤทธิ์นี้สามารถช่วยป้องกันการสะสมของโปรตีนเมทริกซ์นอกเซลล์ ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดพังผืดในตับและการทำงานของตับบกพร่องได้

6. Protection against endoplasmic reticulum (ER) stress : ป้องกันการเสื่อมของเซลล์ตับผ่านช่องทาง ER

Endoplasmic reticulum (ER) stres เป็นการตอบสนองของเซลล์ต่อโปรตีนที่ผิดปกติและมีส่วนเกี่ยวข้องในการพัฒนาโรคไขมันพอกตับ ซึ่งสารเคอร์คิวมินมีฤทธิ์ในการจัดการความเสื่อมของเซลล์ตับจากช่องทาง ER โดยการปรับการตอบสนองของโปรตีนที่เกี่ยวข้องและลดการแสดงออกของโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับความเครียดของ ER เช่น โปรตีน C/EBP homologous protein หรือ (CHOP) และ activating transcription factor 4 (ATF4) ซึ่งจากกลไกนี้สามารถป้องกันความเสียหายของเซลล์และการบาดเจ็บของตับได้ ที่เกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของช่องทาง ER นั่นเอง

7. Modulation of gut microbiota : ช่วยควบคุมและปรับการทำงานของโพรไบโอติก

ความสัมพันธ์ระหว่างระบบทางเดินอาหารและตับ (The gut-liver axis) เป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาไปสู่โรคไขมันพอกตับ และสารเคอร์คิวมินสามารถปรับองค์ประกอบของจุลินทรีย์ในลำไส้ หรือ โพรไบโอติก ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่มีประโยชน์ เช่น แลคโตบาซิลลัสและบิฟิโดแบคทีเรียม ในขณะที่ยับยั้งแบคทีเรียที่เป็นอันตราย เช่น Escherichia coli และ Clostridium เป็นต้น

ซึ่งผลจากการปรับนี้สามารถช่วยรักษาความสมบูรณ์ของลำไส้และลดการดูดซึมสารพิษหรือเอนโดท็อกซิน (endotoxin) เช่น ลิโพโพลีแซคคาไรด์ (lipopolysaccharides (LPS)) ไปยังตับ จึงสามารถช่วยลดการอักเสบที่เกิดจากสารพิษเอนโดทอกซินและป้องกันการบาดเจ็บของตับได้ สารเคอร์คิวมินจึงจะช่วยบรรเทาการลุกลามของโรคไขมันพอกตับ นั่นเอง

8. Inhibition of hepatic cell death : ยับยั้งการตายของเซลล์ตับ

สารเคอร์คิวมินมีฤทธิ์ในการปกป้องเซลล์จากการตายของเซลล์ตับโดยกระบวนการ apoptosis โดยควบคุมการแสดงออกของโปรตีนที่ก่อให้เกิดการตายและต่อต้านการตายของเซลล์ เช่น B-cell lymphoma 2 (Bcl-2) และ Bcl-2 -Protein X หรือ (Bax) ซึ่งผลกระทบนี้สามารถช่วยป้องกันการตายของเซลล์ตับและรักษาการทำงานของตับได้ ในกรณีที่มีโรคไขมันพอกตับเกิดขึ้น

นอกจากนี้ สารเคอร์คิวมินยังปกป้องเซลล์ตับจากการตายของเซลล์แบบ necroptosis ซึ่งเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการตายของเซลล์ที่มีการควบคุม โดยการยับยั้งการก่อตัวของ necrosome complex and subsequent activation of receptor-interacting serine/threonine-protein kinase 3 (RIPK3) ทำให้ลดการอักเสบและการตายของเซลล์ตับได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

9. Activation of AMPK signaling pathway : ส่งเสริมการฟื้นฟูและสร้างเซลล์ตับขึ้นมาใหม่

สารเคอร์คิวมินสามารถกระตุ้นการส่งสัญญาณโปรตีนไคเนส ที่ชื่อ AMP-activated protein kinase (AMPK) signaling pathway ซึ่งเกี่ยวข้องกับการควบคุมสภาวะสมดุลของพลังงานเซลล์ การเผาผลาญไขมัน และการดูดซึมกลูโคส ซึ่งการกระตุ้น AMPK นี้ โดยสารเคอร์คิวมินอาจช่วยลดการสะสมไขมันในตับและปรับปรุงความไวของอินซูลินได้

ซึ่งมีส่วนช่วยในการป้องกันและรักษาโรคไขมันพอกตับ และการส่งสัญญานผ่าน AMPK ยังยับยั้งการแสดงออกของยีน lipogenic เช่น acetyl-CoA carboxylase (ACC) และ SREBP-1c ซึ่งช่วยลดการสังเคราะห์ไขมันและการจัดเก็บไขมันไว้ในตับลงได้ นั่นเอง

ปริมาณที่เหมาะสมของสารเคอร์คิวมินอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ น้ำหนัก สภาวะสุขภาพของแต่ละคน

โดยทั่วไป ปริมาณสารเคอร์คิวมินที่แนะนำต่อวันสำหรับผู้ใหญ่มีตั้งแต่ 500 มก. ถึง 2,000 มก.

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่านี่เป็นเพียงแนวทางทั่วไปเท่านั้น และปริมาณที่เหมาะสมอาจแตกต่างกันไปตามความต้องการของแต่ละบุคคลและสูตรเฉพาะที่ใช้

โดยสรุป สารเคอร์คิวมิน มีบทบาทและศักยภาพในการพัฒนาเพื่อสำหรับการใช้เป็นหนึ่งในทางเลือกเพื่อรักษาภาวะไขมันพอกตับ ผ่านกลไกการทำงานมากถึง 9 กลไก ที่มีการค้นพบในปัจจุบัน

แต่ทั้งนี้ การพิจารณาใช้ ควรได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง หรือ คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในการใช้ขมิ้นชันหรือสารเคอร์คิวมิน เพื่อการดูแลสุขภาพด้วย

สั่งซื้อหนังสือ 82 กระบวนท่า กัญชา กัญชง ฆ่ามะเร็ง และรับสิทธิ์เรียนออนไลน์ ฟรี ได้ที่ช่องทางด้านล่างครับ

สนใจผลิตภัณฑ์ หรือ สินค้า สามารถติดต่อสอบถาม ผ่านช่องทางด้านล่างได้เลยครับ