คนไทยกว่า 4 ล้านคน ทรมานจากโรคเบาหวาน
สถิติผู้ป่วยโรคเบาหวาน
โรคเบาหวานนำไปสู่ โรคร้ายแรงต่อชีวิตอีกมาก ไม่ว่าจะเป็น
โรคหัวใจวาย
โรคไตวาย
โรคเส้นเลือดแดงอุดตัน
จอประสาทตาเสื่อม
ตาบอด
ติดเชื้อได้ง่าย
แผลหายช้า ทำให้ตัดขา
ระบบประสาทเสื่อม
ชาตามปลายมือ ปลายเท้า
โรคแทรกซ้อนเหล่านี้ ล้วนทำให้ผู้ป่วยทนทุกข์ทรมานจากการป่วยด้วยโรคเบาหวาน และสุดท้าย ผู้ป่วยก็เสียชีวิต ทั้งๆที่มีถุงยาไว้เป็นอาวุธประจำกาย แต่ยาก็แทบจะช่วยอะไรไว้ไม่ได้
เบาหวานเกิดได้อย่างไร?
การเกิดโรคเบาหวาน มีความสัมพันธ์กับฮอร์โมนที่สร้างจากตับอ่อน คือ ฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin)
อินซูลินจะเป็นตัวนำน้ำตาล ซึ่งเป็นน้ำตาลกลูโคส (Glucose) จากเลือดเข้าสู่เซลล์ของอวัยวะต่างๆทั่วร่างกาย เช่น สมอง ตับ ไต และหัวใจ ทั้งนี้เพื่อให้เซลล์ต่างๆนำกลูโคสไปใช้เป็นพลังงานในการทำงานต่างๆของเซลล์ ทุกชนิดทั่วร่างกาย
แต่เมื่อเกิดความผิดปกติต่างๆ เช่น ตับอ่อนสร้างอินซูลินได้น้อยกว่าปกติ หรือ เกิดความผิดปกติบางอย่างที่ทำให้เซลล์ไม่สามารถนำอินซูลินไปใช้ได้ถึงแม้ ตับอ่อนสร้างอินซูลินได้ตามปกติ ที่เรียกว่า เซลล์ดื้อต่ออินซูลิน (Insulin resistance) หรือเกิดทั้งสองเหตุการณ์พร้อมกัน จึงส่งผลให้มีน้ำตาลเหลือคั่งในเลือดสูงมากขึ้นกว่าปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดอาการผิดปกติต่างๆขึ้น ซึ่งก็คือ โรค เบาหวานนั่นเอง
ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้เกิดความผิดปกติเหล่านี้ขึ้นนั้นยังไม่ทราบชัดเจน แต่จากการศึกษาพบว่า เป็นกระบวนการที่ซับซ้อนซึ่งเกิดจากทั้งพันธุกรรม และวิถี ทางในการดำเนินชีวิต (Life style) ร่วมกัน
โรคเบาหวานไม่ได้เกิดขึ้นในทันที แต่เกิดจากการเสื่อมมาระยะยาวนาน อาจนาน 5-10 ปี คุณจะมั่นใจได้อย่างไร ณ วันนี้ อินซูลินคุณยังไม่เสื่อม ในเมื่ออาหารการกินมีแต่รสหวานๆ
แพทย์วินิจฉัยเบาหวานได้อย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยโรคเบาหวานได้จาก ประวัติอาการ ประวัติการเจ็บป่วยต่างๆ ประวัติการเจ็บป่วยของคนในครอบครัว การตรวจร่างกาย และที่สำคัญ คือ การตรวจเลือดเพื่อดูปริมาณน้ำตาลในเลือด
ค่าปกติของน้ำตาลในเลือดหลังจากอดอาหารอย่างน้อยประมาณ 8 ชั่วโมง (Fasting Blood Sugar หรือ เรียกย่อว่า FBS) คือ น้อยกว่า 110 มิลลิกรัม/เดซิ ลิตร (มก./ดล.) หรือถ้าตรวจเลือดที่ 2 ชั่วโมงหลังแพทย์ให้กินน้ำตาลประมาณ 75 กรัม (Glucose tolerance Test หรือเรียกย่อว่า จีทีที/ GTT) ค่าน้ำตาลในเลือด น้อยกว่า 140 มก./ดล
เบาหวาน คือ ค่าน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร สูงตั้งแต่ 126 มก./ดล. ขึ้นไป และ/หรือ ค่าจีทีที สูงตั้งแต่ 200 มก./ดล. ขึ้นไป
รักษาเบาหวานได้อย่างไร?
แนวทางการรักษาโรคเบาหวาน ต้องควบคู่กันไประหว่างการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต การใช้ยา และการรักษา ควบคุมโรคร่วมต่างๆ หรือ โรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยง
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต คือ การลดน้ำหนัก ควบคุมน้ำหนัก ลดอาหารแป้ง น้ำตาล และไขมัน เพิ่มอาหารผัก และผลไม้ และออกกำลังกายสม่ำเสมอตามควรกับสุขภาพ
ซึ่งการแพทย์หลัก ก็จะพยายามบอกคุณว่า ให้คุณลดอาหารรสหวาน คุณจะลดความหวานได้กี่วัน ในชีวิตที่เต็มไปด้วย อาหารหน้าตาสวยงาม สีสันสดใส หลอกล่อให้คุณได้เข้าไปกิน
น้อยมากที่ป่วยด้วยโรคเบาหวาน ควบคุมน้ำตาลได้ เพราะหลีกเลี่ยงอาหารได้อย่างเดียว เพราะบางที ก็เลือกกินอาหารไม่ได้
เบาหวานมีอาการอย่างไร?
อาการหลักสำคัญของเบาหวาน คือ หิวบ่อย กระหายน้ำ และปัสสาวะปริมาณมากและบ่อย นอกจากนั้น เช่น
- เหนื่อย อ่อนเพลีย
- ผิวแห้ง คัน
- อาการชาเท้า หรือ รู้สึกเจ็บแปลบที่ปลายเท้า หรือ ที่เท้า
- ผอมลงโดยหาสาเหตุไม่ได้
- เมื่อเกิดแผลในบริเวณต่างๆแผลมักหายช้ากว่าปกติ โดยเฉพาะแผลบริเวณเท้า
- บางครั้งสายตาพร่ามัวโดยหาสาเหตุไม่ได้
คุณต้องทนความเจ็บในการเจาะเลือดไปนานแค่ไหน ที่เจาะวันไหน ค่าน้ำตาลก็ไม่ลดลงซักที
คุณจะใช้ชีวิตที่เหลือไปกับอุปกรณ์เจาะ ทิ่มแทง ให้คุณเจ็บปวด ไปจนวันสุดท้าย จริงๆหรือ
รู้ไหมยารักษาโรคเบาหวานที่คุณกินมากมาย
โดยคาดหวังว่า จะรักษาโรคเบาหวานให้หายขาดนั้น ถือว่าเป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อนที่การแพทย์ไม่ได้บอกให้คุณรับรู้ว่า
อันตรายของยารักษาโรคเบาหวาน
ทำลายตับและไต
คลื่นไส้อาเจียน
เบื่ออาหาร
ตับอ่อนอักเสบ
ผื่นแพ้ยา
เวียนหัว
น้ำตาลในเลือดตก วูบ หมดสติ
ใครบ้างมีปัจจัยเสี่ยงเป็นเบาหวาน?
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน ได้แก่
- โรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน ซึ่งส่งผลให้เซลล์ต่างๆดื้อต่ออินซูลิน
- ขาดการออกกำลังกาย เพราะการออกกำลังกายจะช่วยควบคุมน้ำหนัก และช่วยให้เซลล์ต่างๆไวต่อการนำน้ำตาลไปใช้ หรือ ช่วยการเผาผลาญน้ำตาลในเลือดได้ดีนั่นเอง
- พันธุกรรม เพราะพบว่า คนที่มีครอบครัวสายตรงเป็นเบาหวาน มีโอกาสเป็นเบาหวานสูงกว่าคนทั่วไป
- เชื้อชาติ เพราะพบว่า คนบางเชื้อชาติเป็นเบาหวานสูงกว่า เช่น ในคนเอเชีย และในคนผิวดำ
- อายุ ยิ่งอายุสูงขึ้น โอกาสเป็นเบาหวานยิ่งสูงขึ้น อาจจากการเสื่อมถอยของเซลล์ตับอ่อน หรือ ขาดการออกกำลังกายจากสุขภาพที่เสื่อมถอย
- มีไขมันในเลือดสูง
- มีความดันโลหิตสูง
คิดอีกทีอาหารเหล่านี้ แน่ใจนะ ว่ากินได้ทุกวัน ดูปริมาณน้ำตาลสิ
วันหนึ่งไม่ควรกินน้ำตาลเกิน 6 ช้อนชา ดูปริมาณในอาหารด้านบนสิ มีเยอะๆทั้งนั้น แล้วจะลดน้ำตาลในเลือดได้อย่างไร
แล้วนอกจากการกินยาและฉีดอินซูลินแล้ว มีอะไรบ้างที่จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้
มีงานวิจัยมากมายในวารสารทางแพทย์ที่บอกว่า สารอาหารในเกรด Nutraceutical สมุนไพรช่วยลดระดับน้ำตาลได้
ทางเลือกผู้ป่วยโรคเบาหวาน ที่จะไม่ต้องทรมานจากยาอย่างตลอดชีวิต คือ ทำอย่างไร??
ปัจจุบันมีแบรนด์สมุนไพรและอาหารเสริม ออกมาจำหน่ายมากมาย แต่การดูแลผู้ป่วย หรือ ผู้ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดที่อยู่ในเกณฑ์เข้าข่ายการป่วยเป็นโรคเบาหวานนั้น ต้องได้รับการดูแลด้วยความเข้าใจจริงๆ
ไม่ใช่แค่ ซื้อมากินแล้ว จบกันไม่มีการติดตาม
คนขายได้เงิน คนกินก็เผชิญชะตากรรมกันเอาเอง ว่าระดับน้ำตาลจะเป็นอย่างไร
เพราะกลุ่มคนเหล่านั้น อาจจะมียาแผนปัจจุบันในการรักษาโรคเบาหวานอยู่แล้ว ซึ่งอาจทำให้เกิดผลเสียต่อผู้ป่วย และเกิดอันตรายต่อชีวิตโดยที่ไม่รู้ตัวได้
อันตรายจากการทานสมุนไพรหรืออาหารเสริมร่วมกับยา โดยไม่ได้รับการตรวจสอบ
1. น้ำตาลในเลือดต่ำกว่าปกติ อาจทำให้ช็อค หมดสติได้
2. สมุนไพรหรืออาหารเสริม ตีกันกับยา ทำให้เกิดอันตรายต่อตับหรือไตได้
3. ทำให้เกิดอาการข้างเคียงจากยาเพิ่มมากขึ้น
ค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคเบาหวาน
ค่าใช้จ่ายโรคเบาหวานในประเทศไทย จากการประมาณค่า ใช้จ่ายของผู้ป่วยเบาหวานที่รักษาในโรงพยาบาลของรัฐ พบว่า
ประมาณ 28,200 บาทต่อคน ต่อปี
หรือเดือนละ 2,350 บาท
แต่ถ้าโรงพยาบาลเอกชน ค่าใช้จ่ายอาจเพิ่มขึ้นอย่างน้อยเท่าตัว
ปีละ 56,400 บาท หรือเดือนละ 4,700 บาทเป็นอย่างน้อย
และค่าใช้จ่ายในกรณีน้ำตาลในเลือดต่ำกว่าปกติ จนต้องเข้าโรงพยาบาล
โดยมีค่าใช้จ่ายประมาณ 22,000 บาท ต่อการเกิดระดับน้ำตาลต่ำในเลือด 1 ครั้ง
ค่าใช้จ่ายรวม ของประเทศที่สูญเสียไปกับโรคเบาหวานสูงมากถึง 50,000 ล้านบาทต่อปี
จะดีกว่าไหมถ้าเรามีทางป้องกัน หรือ ลดค่าใช้จ่ายที่จะต้องจ่ายในจำนวนตัวเลขข้างบน
เพราะถ้าเราชะลอการป่วยด้วยโรคเบาหวานไปได้ 1 ปี เราจะมีเงินเก็บอย่างน้อยปีละเกือบ 60,000 บาท ถ้า ชะลอไป 2 ปี ก็ 120,000 บาท
แล้วถ้าชะลอไปได้ถึง 10 ปีละ คุณก็จะมีเงินเก็บ 600,000 บาท
ใช่ละครับ เงินเกินครึ่งล้านบาท คุณจะเอาไปทำอะไรได้ตั้งมากมาย ไม่ต้องไปจ่ายให้กับโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น
และถ้าคุณเป็นโรคเบาหวาน หรือ น้ำตาลเกิน ตอนอายุ 40 ปี อีก 20 ปี ที่คุณยังมีชีวิตอยู่ คุณต้องหาเงินอย่างน้อย 1,200,000 บาท ไว้จ่ายค่ารักษาและค่ายา
เงินล้านกว่าบาทนะครับ
ถ้าวันนี้ ผมจะบอกว่า ถ้าเราใช้หลักการแพทย์แบบผสมผสานที่มีค่าใช้จ่ายเพียง
เดือนละอย่างน้อย 500 บาท หรือปีละ 6,000 บาท หรือวันละ 17 บาท (ราคาถูกกว่า กาแฟ 1 แก้ว ซะอีก)
แล้วทำให้เราประหยัดเงินเพื่อจ่ายค่ายาได้ปีละ 60,000 บาท หรือ เกือบ 10 เท่า
คุณสนใจไหม !!!!!
คอร์สนี้เหมาะสมกับใคร
-
ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ชนิดที่ 2
-
ผู้ป่วยที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดเกินค่าปกติ แต่หมอยังไม่ได้เริ่มยา โดยให้ปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหาร
-
ผู้ที่กำลังมองหาสมุนไพรหรืออาหารเสริม ที่มีการวิจัยทางการแพทย์จริงๆ
-
ผู้ที่ต้องการการดูแลสุขภาพ โดยการลดระดับน้ำตาลในเลือดแนวธรรมชาติบำบัด
-
ผู้ที่ต้องการที่ปรึกษาในการให้คำแนะนำสุขภาพ ที่มีความรู้และประสบการณ์
ราคาแพ็คเกจ คอร์สการดูแลสุขภาพ โรคเบาหวาน
ปกติราคา 2,500 บาท แต่ในช่วงเปิดตัว
ราคาเพียง 1,500 บาท
ใครดูแลคอร์สสุขภาพนี้ มีความน่าเชื่อถือแค่ไหน
ผมเภสัชกรพงษ์ศักดิ์ สง่าศรี ที่ปรึกษาด้านการดูแลสุขภาพด้วยอาหารเสริมและสมุนไพร จบเภสัชศาสตร์ หลักสูตร Doctor of Pharmacy อดีตอาจารย์ประจำคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ภาควิชาคลินิก
มีความสนใจในด้านการใช้สมุนไพรและสารอาหาร ที่อยู่ในรูปแบบอาหารเสริม ในการรักษาหรือป้องกันโรคเรื้อรังต่างๆ ในการดูแลผู้ป่วยควบคู่ไปกับยาแผนปัจจุบัน
และจากประสบการณ์การเป็นเภสัชกรมา 10 ปี ได้เห็นคนไทยหันมาสนใจการดูแลสุขภาพด้วยสมุนไพรและอาหารเสริมมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่ ก็เป็นไปตามการโฆษณา ทำให้หลายๆคน ได้รับอาหารเสริมหรือสมุนไพร ที่ไม่เหมาะสมกับตัวเอง ประกอบกับแบรนด์สินค้าสมุนไพรหรืออาหารเสริม ไม่ได้รับการวิจัยจริง เป็นเพียงการกล่าวอ้างสรรพคุณลอยๆ หรือ เป็นการรีวิวจากผู้ใช้จริงเพียงไม่กี่คน
จึงทำให้คนไทยไม่ได้รับประโยชน์จากการรับประทานสมุนไพรหรืออาหารเสริม พร้อมๆกับการได้รับคำแนะนำจากผู้ขาย ที่ไม่มีประสบการณ์และความรู้ที่ถูกต้องและเหมาะสมสำหรับผู้บริโภค ทำให้เกิดอันตรายต่อผู้รับประทานได้
ผมจึงได้เล็งเห็นปัญหาตรงนี้ จึงมีการเปิดคอร์สการดูแลสุขภาพ สำหรับโรคเบาหวานขึ้น
สิ่งที่คุณจะได้รับในการสมัครคอร์สการดูแลสุขภาพ ในโรคเบาหวาน
- คู่มือการปฎิบัติตัว สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ซึ่งเนื้อหาจะประกอบด้วย ความรู้เรื่องโรคเบาหวาน การปฎิบัติตัว อาหารที่ควรกิน เมนูอาหารที่ควรกินและไม่กิน
2. คู่มือข้อมูลสมุนไพรและอาหารเสริม ที่มีการศึกษาวิจัยในเรื่องลดระดับน้ำตาลในเลือด พร้อมปริมาณของการรับประทานในแต่ละครั้ง
3. แบรนด์สินค้า ที่ได้รับการวิจัยจริงในการลดระดับน้ำตาลในเลือด ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์
4. การติดตาม พร้อมให้คำปรึกษาในระบบออนไลน์ อย่างน้อย สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เป็นระยะเวลา 3 เดือน หรือจำนวน 12 ครั้ง
5. ระบบการตอบคำถามตลอด ถ้ากรณีมีความเร่งด่วน โดยใช้ระบบออนไลน์
6. อาหารเสริมหรือสมุนไพร ที่ใช้ในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ที่รับประทานได้นาน 3 เดือน ขึ้นกับการประเมินระดับน้ำตาลในเลือดตอนแรก
7. การประเมินความปลอดภัยและผลข้างเคียง จากการใช้สมุนไพรหรืออาหารเสริม ร่วมกับยาเดิมที่รับประทานอยู่
ทางเลือกใหม่ในการลดระดับน้ำตาลในเลือด
ปัจจุบันการรักษาโรคเบาหวาน ด้วยแนวทางผสมผสาน กำลังเป็นที่นิยม โดยเฉพาะในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอเมริกาหรือยุโรป ได้นำหลักการแพทย์มาผสมผสานใช้กับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
โดยนำสมุนไพร หรือ สารอาหาร ที่อยู่ในรูปอาหารเสริม คุณภาพสูง หรือ ที่เรียกว่า อาหารเสริมเกรด Nutraceutical ที่มีฤทธิ์เทียบเคียงกับการใช้ยา
สิ่งที่คุณจะได้รับในการสมัครคอร์สการดูแลสุขภาพ ในโรคเบาหวาน
- คู่มือการปฎิบัติตัว สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ซึ่งเนื้อหาจะประกอบด้วย ความรู้เรื่องโรคเบาหวาน การปฎิบัติตัว อาหารที่ควรกิน เมนูอาหารที่ควรกินและไม่กิน
2. คู่มือข้อมูลสมุนไพรและอาหารเสริม ที่มีการศึกษาวิจัยในเรื่องลดระดับน้ำตาลในเลือด พร้อมปริมาณของการรับประทานในแต่ละครั้ง
3. แบรนด์สินค้า ที่ได้รับการวิจัยจริงในการลดระดับน้ำตาลในเลือด ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์
4. การติดตาม พร้อมให้คำปรึกษาในระบบออนไลน์ อย่างน้อย สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เป็นระยะเวลา 3 เดือน หรือจำนวน 12 ครั้ง
5. ระบบการตอบคำถามตลอด ถ้ากรณีมีความเร่งด่วน โดยใช้ระบบออนไลน์
6. อาหารเสริมหรือสมุนไพร ที่ใช้ในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ที่รับประทานได้นาน 3 เดือน ขึ้นกับการประเมินระดับน้ำตาลในเลือดตอนแรก
7. การประเมินความปลอดภัยและผลข้างเคียง จากการใช้สมุนไพรหรืออาหารเสริม ร่วมกับยาเดิมที่รับประทานอยู่
ราคาแพ็คเกจ คอร์สการดูแลสุขภาพ โรคเบาหวาน
ปกติราคา 2,500 บาท แต่ในช่วงเปิดตัว
ราคาเพียง 1,500 บาท
สิ่งที่คุณจะได้รับในการสมัครคอร์สการดูแลสุขภาพ ในโรคเบาหวาน
- คู่มือการปฎิบัติตัว สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ซึ่งเนื้อหาจะประกอบด้วย ความรู้เรื่องโรคเบาหวาน การปฎิบัติตัว อาหารที่ควรกิน เมนูอาหารที่ควรกินและไม่กิน
2. คู่มือข้อมูลสมุนไพรและอาหารเสริม ที่มีการศึกษาวิจัยในเรื่องลดระดับน้ำตาลในเลือด พร้อมปริมาณของการรับประทานในแต่ละครั้ง
3. แบรนด์สินค้า ที่ได้รับการวิจัยจริงในการลดระดับน้ำตาลในเลือด ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์
4. การติดตาม พร้อมให้คำปรึกษาในระบบออนไลน์ อย่างน้อย สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เป็นระยะเวลา 3 เดือน หรือจำนวน 12 ครั้ง
5. ระบบการตอบคำถามตลอด ถ้ากรณีมีความเร่งด่วน โดยใช้ระบบออนไลน์
6. อาหารเสริมหรือสมุนไพร ที่ใช้ในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ที่รับประทานได้นาน 3 เดือน ขึ้นกับการประเมินระดับน้ำตาลในเลือดตอนแรก
7. การประเมินความปลอดภัยและผลข้างเคียง จากการใช้สมุนไพรหรืออาหารเสริม ร่วมกับยาเดิมที่รับประทานอยู่
สั่งซื้อโดยการโอนเงินได้ที่
บัญชี นายพงษ์ศักดิ์ สง่าศรี ธนาคารกรุงเทพ
เลขที่ 217-416270-7 ออมทรัพย์
บัญชี นายพงษ์ศักดิ์ สง่าศรี ธนาคารกสิกรไทย
เลขที่ 013-1-60795-4 ออมทรัพย์
โอนเสร็จ Inbox หลักฐานการโอนมาทางเฟส หรือทางไลน์ Pharmalogger พร้อมรายละเอียดที่อยู่จัดส่งสินค้า พร้อมอีเมลล์เพื่อรับคู่มือต่างๆ
หรือสอบถามรายละเอียด ได้ที่ไลน์ Pharmalogger หรือ 085-397-7797
ดูแลคอร์สสุขภาพ โดย ภก.พงษ์ศักดิ์ สง่าศรี